เมื่อวันที่ 24 เดือนตุลาคมปีพ. ศ. 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่าตนเองนั้นกำลังดูไลฟ์สด Facebook รายหนึ่งซึ่งกำลังไลฟ์การฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอ เบอร์เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างบริบูรณ์เดินทางไปยังบ้าน
ที่มีการรับแจ้งว่ามีการไลฟ์สดอยู่ในขณะนี้เพื่อต้องการที่จะไปช่วยเหลือและตรวจสอบว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่เมื่อเดินทางไปถึงปรากฏว่าเจ้าของบ้านได้แจ้งว่าหญิงสาวที่กำลังไลฟ์สดฆ่าตัวตายนั้นเสียชีวิตเรียบร้อยแล้ว
โดยผู้ที่เล่าเหตการณ์ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังหรือป้าของหญิงสาวคนที่ฆ่าตัวตาย เธอเล่าว่าบ้านหลังนี้เธออยู่กับหลานสาวอายุ 30 ปี 2 คนก่อนเกิดเหตุนั้นอยู่ๆหลานสาวก็เข้ามากอดและร้องไห้เมื่อถามว่าเป็นอะไรเธอก็ไม่ได้พูด
หรือเล่าเรื่องเล่าอะไรให้ฟังหลังจากนั้นหญิงสาวก็เข้าห้องนอนแล้วเปิดเพลงเสียงดัง ผ่านไปไม่นานเป็นพันของเธอก็มาบอกให้เธอนั้นขึ้นไปดูหลานสาวเนื่องจากว่าเพื่อนบ้านเห็นว่าหลานสาวได้มีการไลฟ์ Facebook เกี่ยวกับการฆ่าตัวตายวิธีการแขวนคออยู่เธอและเพื่อนบ้านจึงได้ช่วยกันพังประตูบ้านเข้าไป
แต่ไม่สามารถทำประตูได้ในขณะนั้นเองมีไปรษณีย์มาส่งจดหมายพอดีจึงให้บุรุษไปรษณีย์ช่วยพังประตูบ้านให้แต่เมื่อสามารถเปิดประตูบ้านได้แล้วก็พบว่าหญิงสาวแขวนคอเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงช่วยกันนำร่างของหญิงสาวลงมาปรากฏว่าเธอเสียชีวิตแล้ว
เพื่อนบ้านที่เห็นการไลฟ์สดของหญิงสาววัย 30 ปีนั้นระบุว่าเมื่อเธอเปิด Facebook ดูก็เห็นว่ามีการไลฟ์สดจึงได้เข้าไปดูเมื่อเห็นว่าเป็นคนรู้จักจึงได้รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและวิ่งมาบอกกับป้าของหญิงสาวให้เข้าไปดูหญิงสาวคนดังกล่าวแต่ก็ไม่ทันการ ในขณะที่ป้าของหญิงสาวบอกว่านิสัยที่ฆ่าตัวตายนั้นเธอเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้วซึ่งได้มีการกินยารักษาอาการมาโดยตลอด
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเองได้มีการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุพบว่ามีมีดเล่มหนึ่งตกอยู่ซึ่งคาดว่าหญิงสาวน่าจะใช้มีดดังกล่าวผ่านข้อมือตัวเองและใช้เลือดของตนเองนั้นเขียนตรงบริเวณผนังโดยข้อความที่เขียนนั้นเขียนว่ารักนะ หลังจากนั้นหญิงสาวจึงไปทำการแขวนคอตนเองพร้อมกับไลค์ Facebook โชว์
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในครั้งนี้ป้าของหญิงสาวไม่ได้ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตและเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานจากการไลฟ์สดของหญิงสาวในการฆ่าตัวตายซึ่งเกิดจากการฆาตกรรมจึงได้ให้ญาตินำร่างของหญิงสาวไปทำพิธีต่อไป
สำหรับปัญหาสำหรับคนที่มีโรคซึมเศร้าควรจะต้องมีการกินยารักษาอาการอย่างต่อเนื่องและคนในครอบครัวควรจะต้องมีการสังเกตอาการอยู่ตลอดเวลา และคอยให้คำปรึกษาอย่าปล่อยให้ผู้ป่วยอยู่ในอาการเครียดซึ่งถ้าหากเห็นว่าผู้ป่วยมีอาการเครียดจนผิดสังเกตควรจะอยู่ใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลาเพื่อป้องกันผู้ป่วยแอบพาตัวตาย
สนับสนุนโดย หาเงินจากหวยหุ้น